วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บ้านไร้สุข กับแบบบ้านที่ทันสมัย ตอนจบ

แบบที่ 4 บ้านหอพัก

หากใครเคยอยู่หอพักคงเข้าใจสภาพบ้านหลังนี้ดี สามีภรรยาอาศัยอยู่ในบ้าน เหมือนเป็นเพื่อนร่วมห้อง (room mate) เท่านั้น ไม่มีความรู้สึกผูกพันลึกซึ้งไม่มีความห่วงใยเอาใจใส่กัน ใครจะไปไหนจะกลับเมื่อไร กินอยู่อย่างไร ต่างคนก็ต่างรับผิดชอบดูแลตัวเอง รับประทานอาหารคนละเวลา กลับมาอาบน้ำดำเนินกิจวัตรส่วนตัวและต่างฝ่ายต่างก็นอนหลับไป โดยไม่มีความสนใจกัน บางคู่อาจถึงกับเช่าสองห้อง คือแยกห้องนอนกันอยู่

บ้านหอพักนี้เกิดขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายเบื่อกันและกันจนถึงที่สุดหรือไม่มี ความรักให้แก่กัน เพราะแต่งงานด้วยความจำเป็น หรือมีปัญหาระหว่างกันมากเสียจนไม่อาจเป็นสามีภรรยา ทางพฤติกรรมได้อีกต่อไป แต่ต้องทนอยู่ด้วยกันเพราะอับอายเกรงว่าสังคมจะล่วงรู้ว่า ชีวิตคู่ของคนนั้นล้มเหลว บ้านหลังนี้สภาพภายนอกจึงได้รับตกแต่งให้ดูดีอยู่เสมอ แต่ไร้แก่นสารของความเป็นครอบครัว

แบบที่ 5 บ้านเรือนจำ

เรือนจำกักขังเสรีภาพนักโทษอย่างไร บ้านหลังนี้ก็กักขังเสรีภาพของคู่สมรสฉันนั้น ภายในบ้านสามีหรือภรรยาจะปฏิบัติต่ออีกฝ่ายหนึ่งราวกับเป็นนักโทษ เต็มไปด้วยความรู้สึกหึงหวง ไม่ให้เกียรติ ไม่ไว้วางใจ สามีภรรยาบางคู่จะมีฝ่ายหนึ่งที่โทรศัพท์ไปหาอีกฝ่ายหนึ่งแทบทั้งวัน เพื่อเช็คว่าทำอะไร อยู่ที่ไหน อยู่กับใคร จนกระทั่งอีกฝ่ายหนึ่งแปรสภาพจากความรักเป็นความรำคาญและความรู้สึกอึดอัด อยากจะมีอิสรภาพออกจากคุกแห่งนี้ไป ในแต่ละวันที่ผ่านไปจึงเก็บกดความรู้สึกเลวร้ายทับถมไว้ เหมือนภูเขาไฟที่ภายในค่อยๆ ระอุและพร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ

ความรักของคู่สมรสที่ไม่ได้อยู่บนรากฐานของความไว้วางใจ ความเชื่อใจ และการให้เกียรติอีกฝ่ายหนึ่ง ย่อมนำมาซึ่งการรุกเร้าเพื่อแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของ ดังนั้นแทนที่ทั้งสองฝ่ายจะเล่นบทบาทสามีภรรยา อย่างที่ควรจะเป็น คนหนึ่งกลับเล่นบทบาท "พัศดี" ผู้คุมนักโทษ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งจึงกลายเป็นนักโทษไปโดยปริยาย ในที่สุดเมื่อนักโทษทนไม่ได้ เขาก็จะดิ้นรนหาทางแหกคุกเพื่อสูดกลิ่นอายแห่งอิสรภาพที่เคยได้รับ เมื่อครั้งก่อนแต่งงาน

แบบที่ 6 บ้านเดี่ยว

บ้านเดี่ยวในที่นี้ไม่ได้หมายถึงบ้านที่มีบริเวณ แต่เป็นบ้านที่มีสามีหรือภรรยาอยู่เพียงฝ่ายเดียว เพราะเหตุแยกทางกันเดิน จึงส่งผลให้บ้านที่เคยอยู่กันอย่างพร้อมหน้าเหลือเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกับ ลูกๆ เท่านั้น สภาพบ้านเดี่ยวนี้กำลังเป็นที่นิยมในต่างประเทศ ดูได้จากอัตราการหย่าร้างที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น ในสหรัฐอเมริกาปัจจุบันอัตราการหย่าร้างที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น ในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันอัตราการหย่าร้าง โดยเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 50 และในบางมลรัฐสูงถึงร้อยละ 60-70 ของจำนวนคู่แต่งงานทั้งหมด ส่วนในประเทศไทยอัตราการหย่าร้างเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 15.72 ในปี 2540 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20.8 ในปี 2541 จากจำนวนคู่แต่งงานในปีนั้น

บ้านเดี่ยวนี้นับวันขายดีขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งจากลักษณะนิสัยที่เข้ากันไม่ได้ ความไม่ซื่อสัตย์ของคู่สมรสการที่ต่างฝ่ายต่างพึ่งพาตนเองได้ และสามีสำคัญที่อาจจะเกิดมากขึ้นในอนาคตก็คือ ค่านิยมการดำเนินชีวิตคู่ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปความรู้สึกที่ว่าจะอยู่กันจน ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชรเริ่มลดลง

แนวคิดของชาวอเมริกันช่วงอายุ 40-50 ปี ซึ่งแต่งงานตั้งแต่อายุ 20-30 ปี เริ่มตระหนักว่า การมีคู่สมรสเพียงคนเดียวตลอดชีวิตอาจเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม พวกเขาเห็นว่าคู่สมรสอาจจะเหมาะ ที่จะอยู่ด้วยกันสัก 20 ปีพอได้ แต่หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างเปลี่ยนแปลงไป ทั้งทิศทางการดำเนินชีวิต ค่านิยม ความคาดหวัง ความสนใจในเรื่องแตกต่างกัน ความแตกต่างกันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่เหมาะสม ที่จะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต ค่านิยมเช่นนี้อาจจะไหลบ่ามาถึงประเทศไทยในเร็ววันนี้

ในปัจจุบันนี้ บ้านแบบต่างๆ ของหมู่บ้านไร้สุข ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าโดยไม่ต้องใช้การโฆษณาเลย แม้แต่น้อย และยิ่งบ้านเหล่านี้ขายดีมากเท่าใด ภาวะครอบครัวล่มสลายก็ยิ่งเกิดเร็วมากขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีกว่านั้นก็คือ สามีภรรยาควรเริ่มต้นช่วยกันสร้าง "บ้านแห่งความสุข" โดยวางแบบแปลนของบ้าน ไว้อย่างดีล่วงหน้าว่าจะสร้างบ้านอย่างไรให้เป็นบ้านที่มีความสุข ความรัก มีความอบอุ่น มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สมาชิกในครอบครัวมีส่วนร่วมในเส้นทางเดินของชีวิตร่วมกัน จากนั้นจึงช่วยกันลงหลักปักฐานสร้างให้เป็นบ้านที่แข็งแกร่งทนทานและอยู่ได้ นานตลอดชีวิต

ลักษณะบ้านที่มีความสุขนั้นจะวางรากฐานด้วยความรัก ลงเสาหลักด้วยความผูกพัน ก่ออิฐแห่งความไว้วางใจ ติดประตูและหน้าต่างด้วยการให้อภัย ทาสีแห่งความสุภาพอ่อนโยน มุงหลังคาด้วยความซื่อสัตย์และความอดทน ปูทางเท้าด้วยความช่วยเหลือเกื้อกูล ใส่กลอนประตูแห่งความรับผิดชอบ ใช้เฟอร์นิเจอร์แห่งความสัมพันธ์กลมเกลียว และประดับประดาสิ่งต่างๆ ด้วยใจที่ปรารถนาให้ความรักนั้นยิ่งยืนนาน

บ้านหลังนี้ที่สร้างขึ้นเป็น "บ้านต้นแบบ" ของ "หมู่บ้านแห่งความสุข" ที่แตกต่างจากหมู่บ้านไร้สุข ตรงที่บ้านหลังนี้สามีภรรยาต้องเป็นผู้ลงแรงปลูกสร้างและระวังรักษาเป็น อย่างดีด้วยตนเอง จะให้คนอื่นสร้างและดูแลรักษาให้ไม่ได้

ตอนต้น ตอนจบ


Dr Kriengsak Chareonwongsak
Senior Fellow, Harvard Kennedy School , Harvard University
kriengsak@kriengsak.com, kriengsak.com, drdancando.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น