วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บ้านไร้สุข กับแบบบ้านที่ทันสมัย ตอนต้น

หากมีคำโฆษณานี้ติดประกาศไว้จริงๆ หมู่บ้านนี้คงเป็นหมู่บ้านร้างที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปอยู่ เพราะคงไม่มีใครอยากเผชิญกับสิ่งที่บรรยายไว้ ในทางตรงกันข้าม ทุกครอบครัวทั้งสามีและภรรยา ต่างก็ต้องการสร้างชีวิตครอบครัวที่มีความสุข มีความรัก ความอบอุ่น มีสัมพันธภาพที่ดี และสามารถครองรักครองเรือนได้ตลอดชีวิต

ทว่าน่าเศร้ายิ่งนัก เมื่อสำรวจหมู่บ้านครอบครัวจากชีวิตจริงพบว่า บ้านจำนวนไม่น้อย ที่สามีภรรยาได้สร้างขึ้นกลับมีสภาพเหมือนกับที่บรรยายไว้ในคำโฆษณาของหมู่ บ้านไร้สุข โดยมีแบบบ้านไร้สุขที่ทันสมัยให้เลือกหลากหลายรูปแบบ อาทิ

แบบที่ 1 บ้านรังหนู

หนูมีพฤติกรรมอย่างหนึ่งก็คือมันชอบคาบอาหารกลับมาไว้ที่รัง เมื่อมันกินก็จะเหลือเศษเล็กๆ น้อยๆ เต็มรังที่แสนจะสกปรกอยู่แล้วก็ยิ่งแลดูสกปรกมากยิ่งขึ้นไปอีก คำเปรียบนี้จึงเหมือนกับบ้าน ที่มีแต่ความสับสน วุ่นวาย รกรุงรัง และยุ่งเหยิง อันเนื่องมาจากสามีและภรรยาเป็นคนขาดระเบียบวินัย ในการดำเนินชีวิตขาดการบริหารจัดการครอบครัวในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก

เช่น ไม่มีการเก็บของให้เป็นระเบียบ… ใครอยากวางอะไรตรงไหนก็วาง เมื่อหาสิ่งที่ต้องการไม่พบ ก็โวยวาย ไม่มีการวางแผนเวลา…ใครอยากทำอะไรตอนไหนก็ทำ เมื่อพลาดโอกาสที่ดีๆ ไปก็ต่อว่า และโทษกันและกัน และไม่มีการวางแผนบริหารการเงิน…ใครอยากซื้ออะไรก็ซื้อ เมื่อชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็เกิดความเครียด ต้องไปกู้หนี้ยืมสินผู้อื่น ในบ้านหลังนี้ทั้งสามีภรรยาจึงต้องเผชิญแต่ปัญหาเฉพาะหน้า จนทำให้ชีวิตสมรสปราศจากความสุข

บ้านรังหนูเป็นบ้านที่สามีภรรยาไม่รู้จักวางแผน ไม่มีระเบียบวินัยในการดำเนินชีวิต แต่มักจะชอบใช้ชีวิตตามสบายๆ อยู่ไปวันๆ ไม่ค่อยคิดและเตรียมการสำหรับอนาคต ดังนั้นจึงต้องเผชิญแต่ปัญหาที่ตนเองได้สร้างไว้ และต้องตามแก้ไขกันตลอดทั้งชีวิต มีปัญหาใหม่ๆ ทับโถมเข้ามาตลอดเวลา กลายเป็นบ้านที่มีแต่ความวุ่นวายไม่น่าอยู่อาศัย นำไปสู่ปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างกันได้ตลอดเวลา

แบบที่ 2 บ้านหน้าจอ

บ้านหน้าจอ หมายถึง บ้านที่สมาชิกในครอบครัวขาดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน อันเนื่องจากต่างคนต่างมีปฏิสัมพันธ์กับเครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ของ ตน เช่น พ่อนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อเตรียมส่งงานให้หัวหน้า แม่นั่งหน้าจอ โต้ตอบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กับกลุ่มเรียกร้องสิทธิสตรีทั่วโลก ลูกนั่งหน้าจอเล่มเกมคอมพิวเตอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด ส่วนคุณยายนั่งหน้าจอโทรทัศน์ชมรายการละครชีวิตเรื่องที่คนทั้งประเทศติดกัน งอมแงม เป็นต้น คนในครอบครัวใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับสิ่งที่ตนเองพอใจ

เทคโนโลยีการสื่อสารในปัจจุบันทำให้คนอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของเขาอย่างหลีก เลี่ยงไม่ได้ บ้านหน้าจอจึงมีแนวโน้มเกิดมากขึ้นในประเทศไทย ทุกคนต่างไม่มีใครสนใจใคร เมื่อกลับถึงบ้านรับประทานอาหาร อาบน้ำเสร็จ ทุกคนก็จะเข้าสู่โลกส่วนตัวของตนเอง คนในครอบครัวก็จะห่างเหินกันเพราะต่างคนต่างก็มีกิจกรรมเป็นของตนเอง คนในครอบครัวจะรู้จักและให้ความสนใจกันและกันน้อยลง ความลับระหว่างกันจะมีมากขึ้น เนื่องจากไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังทำอะไรอยู่ ต่างมีข้อมูลที่สมาชิกคนอื่นในครอบครัวไม่รู้ และไม่สามารถพูดคุยได้ เพราะต่างคนต่างสนใจกันคนละเรื่อง

และในที่สุดก็จะพบว่าพวกเขาไม่มีความสุขที่แท้จริงในการดำเนินชีวิต ความรู้สึกเปลี่ยวเหงา และขาดความรักจากคนในครอบครัวจะเกิดขึ้นตามมา

แบบที่ 3 บ้านสนามรบ

บ้านหลังนี้จำลองมาจากสนามรบจริง เพียงแต่ย่อขนาดและจำนวนคู่ต่อสู้ให้เหลือเพียงบ้านหนึ่งหลัง กับคนสองคน คือสามีและภรรยา บ้านหลังนี้จะอบอวลไปด้วยเสียงทะเลาะวิวาท ด่าทอบ่อยครั้งที่คู่ต่อสู้ ใช้อาวุธทั้งหนักและเบาเข้าโจมตีปะทะกัน ข้าวของหลายอย่างที่ปกติไม่เคยบินได้ก็จะบินว่อนเต็มไปหมด อาทิ มีดบิน ตะหลิวบิน กะทะบิน จานบิน หรือแม้กระทั่งเก้าอี้บิน

การรบจะเกิดขึ้นเมื่อมีปัญหาความขัดแย้งหรือไม่พอใจอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ภรรยาไปทำธุระกลับบ้านดึก สามีรู้สึกหงุดหงิดเพราะไม่ไว้วางใจ เมื่อกลับมาแทนที่จะถามภรรยาดีๆ ว่า ไปไหนมา กลับต่อว่าหรือกล่าวหาอย่างเสียๆ หายๆ แทนที่จะใช้วิธีเจรจากันอย่างสันติ กลับไม่สามารถระงับอารมณ์ของตนเองได้ จึงเกรี้ยวกราดใส่อีกฝ่ายหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นการยั่วยุอีกฝ่าย ให้เกิดความโมโหเช่นกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างโมโหก็เหมือนเอาน้ำมันราดลงบนไฟเมื่อไฟลุกโชติช่วง แล้วก็ยากที่จะดับลงได้ สามีภรรยาหลายคู่จึงจำเป็นต้องขายบ้านทิ้ง เลิกรากันไปอย่างสะบักสะบอม ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ตอนต้น ตอนจบ


Dr Kriengsak Chareonwongsak
Senior Fellow, Harvard Kennedy School , Harvard University
kriengsak@kriengsak.com, kriengsak.com, drdancando.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น