วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รักจริง ต้องใช้เงินเป็น

Dr Kriengsak Chareonwongsak
Senior Fellow, Harvard Kennedy School , Harvard University
kriengsak@kriengsak.com, kriengsak.com, drdancando.com

คนสองคนรักกัน “ความรัก” นั้นไม่ต้องใช้เงิน แต่หากก่อนแต่งงาน ไม่ได้วางแผนการใช้เงิน นิสัยการใช้เงินของคนรัก อาจเป็นเหตุให้ความรัก ‘ร้าว’ ได้

คำกล่าวนี้ ไม่เกินจริงเลย หากเราสังเกตชีวิตคู่บางคู่ที่ต้องจบลง ไม่น่าเชื่อว่า ส่วนหนึ่งเกิดจาก ปัญหาการเงิน...ซึ่งมิใช่ปัญหาการไม่มีเงิน แต่เป็นปัญหาการใช้เงินไม่เป็น ใช้อย่างไม่เหมาะสมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ผมตระหนักในเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน และได้เขียนแนะนำไว้ในหนังสือ หาเงิน ใช้เงิน: วิธีเล่นกับเงินอย่างผู้ชนะ บทหนึ่งว่า คนที่กำลังจะแต่งงานกันควร เรียนรู้นิสัยการใช้เงิน ของแต่ละฝ่าย และควรตกลงร่วมกันเรื่อง แผนการใช้เงิน ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ด้วย

เป็นความจริงที่ว่า วันที่คนสองคนตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกันฉันท์สามีภรรยา ณ วันนั้นทุกสิ่งทุกอย่างย่อมดูสดใสเพราะมี "ความรัก" นำหน้า ทว่า..ความรักอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะยืนยันว่าชีวิตคู่นั้นจะยั่งยืน เพราะยังมีเงื่อนไขอีกหลายประการ หนึ่งในเรื่องสำคัญเหล่านั้นก็คือ การวางแผนด้านการเงิน

"เงิน" โดยตัวมันเองนั้นไม่อาจเป็นได้แม้สักส่วนหนึ่งของความรัก แต่หลายครั้งที่ "เงิน" กลับเป็นเครื่องมือบั่นทอนความรักให้ล่มสลายไปได้ หากทั้งคู่ไม่มีข้อตกลงต่อกันว่า จะใช้เงินอย่างไร

ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ จะแบ่งกันรับผิดชอบอย่างไร..จะเก็บเงินร่วมกันเพื่อยามฉุกเฉิน เพื่อการลงทุนในอนาคตอย่างไร..จะทำประกันความมั่นคงให้กับอนาคตด้านใดบ้าง..ที่สำคัญ ทั้งสองฝ่ายรู้จักนิสัยและทัศนะต่อการใช้เงินของกันและกันเพียงใด??

ก่อนตกลงปลงใจร่วมชีวิตกับใคร ผมขอแนะนำว่าจะต้องรู้จักอีกฝ่ายเกี่ยวกับเรื่อง "เงิน" อย่างน้อยใน 2 เรื่องคือ ลักษณะนิสัยการใช้เงินของแต่ละฝ่าย และ การวางแผนการเงินร่วมกันหลังแต่งงานแล้ว ทั้งสองเรื่องนี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ของครอบครัวให้ยั่งยืนได้หากมีการเตรียมการที่ดี

เรียนรู้ลักษณะนิสัยการใช้เงิน การเรียนรู้ลักษณะนิสัยการจับจ่ายใช้สอย การเก็บออม เป้าหมายการใช้เงินของแต่ละฝ่ายเป็น จะทำให้เราวิเคราะห์ได้ว่านิสัยการใช้เงินเช่นนี้จะส่งผลเช่นไรในอนาคต อาทิ หากสังเกตพบว่าฝ่ายหนึ่งไม่มีการวางแผนการใช้เงิน ชอบช็อปปิ้งซื้อของตามที่ตนเองต้องการโดยไม่ได้พิจารณาว่ามีความจำเป็นหรือไม่ ทำให้ไม่มีเงินเก็บสะสมหรืออาจทำให้มีหนี้บริโภค เราก็สามารถคาดการณ์ได้ว่า หากเราแต่งงานโดยไม่ตกลงเรื่องการใช้จ่ายให้ดี ครอบครัวย่อมเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น จึงควรมีการเจรจาตกลงร่วมกันว่า เมื่อแต่งงานแล้วจะต้องใช้จ่ายเงินเช่นไร 

วางแผนการเงินในครอบครัวก่อนแต่งงาน การตกลงเรื่องการเงินจะช่วยให้เกิดความเข้าใจกันในระยะยาว ทั้งคู่จึงควรปรึกษาหารือเรื่องการเงินการกำหนดงบประมาณการใช้จ่ายและการเก็บออมในแต่ละเดือน โดยควรพิจารณาครอบคลุมด้านต่าง ๆ อาทิ การเปิดเผยสถานะทางการเงินของกันและกัน อันจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนการใช้เงินต่อไป การตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัว-ส่วนรวม เพื่อเป็นการสร้างความรับผิดชอบและลดความตึงเครียดในการใช้จ่าย การตกลงเรื่องการออมทรัพย์ร่วมกัน เพื่อเก็บออกไว้ใช้ในยามจำเป็นทุกด้านและความมั่นคงของชีวิตในอนาคต

การตกลงเรื่องการใช้เงินเหล่านี้ต้องพูดคุยกันก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกัน เพราะหากไม่มีการสื่อสารทำความตกลงกันก่อน แม้มี “ความรัก” เชื่อมทั้งคู่ไว้ด้วยกัน แต่หากเมื่อแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันแล้วมีปัญหาการใช้เงิน ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมการใช้จ่ายของกันและกัน ย่อมตามมาด้วยปัญหาในชีวิตคู่ที่ทั้งสองฝ่ายคาดไม่ถึง และลืมเลือนความรักที่เคยมีต่อกันได้ในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น